คุณครู.คอม
.









Online: 26 user(s)

ตั้งแต่ 3 กุมภาพันธ์ 2541





kunkroo radio

ตรวจสอบแทรคไปรษณีย์ไทย

domain register Admin Only

ทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ต

ตรวจสอบไอพี(IP check for locate)

..
     


    :  เกี่ยวกับเราคุณครู.คอม
หมวด: เทคโนโลยี
ที่ผ่านมามีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นบ่อย HAARP อาจเป็นคำตอบ
22-01-2015 เข้าชมแล้ว: 22906
เคยสังเกตุไหมว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมันมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นบ่อย ๆ เช่น
อุณหภูมิลดลงมากโดยไม่เคยเป็นมาก่อน  หิมะตกในทะเลทราย แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด
แม้แต่ ฟ่าผ่าเครื่องบิน และเครื่องบินหายไปทั้งลำบ้าง ตกแบบไม่คาดฝันบ้าง  ต่าง ๆเหล่านี้
มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือมีใครจงใจให้เกิด เรามาลองอ่านบทความนี้ดู ว่า ความน่าจะเป็น
เป็นไปได้หรือไม่อย่างไร (อ่านครั้งแรกอาจยังไม่เข้าใจ ลองอ่านหลาย ๆ เที่ยว)

ไขปริศนา..เทคโนโลยี HAARP คืออะไร มันจะทำลายโลกไหม




หลายคน คงเคยได้ยินคำว่า HAARP ดังนั้นวันนี้จะมาไขปริศนาเจ้าเทคโนโลยีทางทหารลึกลับนี้ ว่ามันคืออะไร
มนุษย์ทั่วไปมักเชื่อคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ว่า ความผิดปกติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งหมด
มีต้นตอมาจากการเผาผลาญพลังงานฟอสซิล และทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์



ประกอบกับการปล่อยสาร CFC ที่ทำลายชั้นโอโซน ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก
จนอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นที่ยอมรับเป็นเอกฉันท์ในวงการวิทยาศาสตร์อยู่ระยะหนึ่ง
กรณีภาวะเรือนกระจก และทฤษฏีโลกร้อน ก็เชื่อกันมาระยะยาวนานพอสมควร ว่าสารสำคัญที่เป็นต้นเหตุ คือ CFC



แต่ต่อมามนุษย์ก็สังเกตว่า ไม่พบรูโหว่ในชั้นบรรยากาศโลก เหนือพื้นที่ที่มีสถิติการปล่อยสาร CFC เป็นจำนวนมาก
เช่น เหนือเมืองมหานครใหญ่ และ เขตอุตสาหกรรมต่างๆ แต่รูโหว่ในชั้นบรรยากาศโลก
ดันกลับไปเกิดขึ้นยังบริเวณขั้วโลกทั้งสองด้าน ชั้นโอโซนในบริเวณขั้วโลกใต้ มีปริมาณโอโซนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึงราว 10%



ในช่วง 20 ปีมานี้ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ที่บริเวณผิวพื้นโลก และ
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ในชั้นบรรยากาศระดับล่างและกลาง ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นอุณหภูมิที่ผิวพื้นโลกสูงขึ้นจริง
แต่อุณหภูมิในชั้นบรรยากาศกลับ “ไม่มีการเปลี่ยนแปลง” เพราะหากทฤษฎีโลกร้อนถูกต้อง อุณหภูมิทั้งสองบริเวณนี้
จะต้องสูงขึ้นเช่นเดียวกัน จึงเป็นการพิสูจน์ว่า ทฤษฎีโลกร้อนที่เชื่อกันมาหลายปีนี้ผิดพลาด



นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (รังสีแกมม่า) ได้ในบริเวณขั้วโลกเหนือเป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีมาแล้ว
ในช่วงหลังๆ พบว่าปริมาณคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก ได้เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนความถี่และความรุนแรง ท้องฟ้าในบริเวณขั้วโลกเหนือ
ที่ปกติมืดมิดตลอดเวลาในช่วงฤดูหนาว ปัจจุบันกลับมีแสงสว่าง (แสงออโรร่า) เกิดขึ้นเป็นประจำ



ขอบฟ้าถูกยกสูงขึ้น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลึกลับนี้ คือต้นเหตุของความวิปริตของสภาพอากาศทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงระยะหลังมานี้
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐที่พบว่า อิทธิพลรังสีแกมม่าสามารถทำให้เกิดรูโหว่ในชั้นโอโซนได้
โลกจะเย็นลง เกิดฝนกรด และการเกิดเมฆหมอกได้



พ.ศ. 2501 - 2531 เป็นเวลา 30 ปี มีการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์ ประจำสภาบันภูมิฟิสิกส์ประเทศจอร์เจีย
จากการเก็บข้อมูลเปรียบเทียบ สรุปได้ว่าปฏิกิริยาระหว่างโลก กับสนามพลังงานแม่เหล็ก เป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว
ที่มีความรุนแรงสูงกว่า 6 ริกเตอร์ขึ้นไป คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้ ยังเกี่ยวข้องกับจำนวนดาวตกที่เพิ่มขึ้นด้วย



มนุษย์ ได้ใช้ประโยชน์จากความถี่เสียงมานานแล้ว เช่น การพูดคุยกัน ที่มีการสั่นสะเทือนของอวัยะในปาก
จนคลื่นความถี่ขึ้น และหูก็รับคลื่นความถี่นั้นมาแปลงอีกที่ ก็สามารถสื่อสารกันได้ หากเสียงนั้น เช่น
เปิดเพลงดังๆ ลำโพง ก็จะกระแทกออกมา เพราะความสั่นสะเทือนที่มากเกินไปนั้นเอง



เจ้าเครื่อง HAARP (High Frequency Active Auroral Research Program) ก็ใช้หลักการนี้ มันคือ
โครงการทดลองยุทธศาสตร์การริเริ่มป้องกันทารทหาร ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์
หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โครงการสตาร์วอร์” ถูกริเริ่มขึ้นในยุคของประธานาธิบดีเรแกน



โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อศึกษา "การใช้ไอโอโนสเฟีย (ชั้นบรรยากาศระดับสูง) เพื่อเป้าหมายของกระทรวงกลาโหม
สร้างและควบคุมสภาพ ภูมิอากาศ แล้วให้สะท้อนกลับมายังพื้นผิวโลก ไปยังเป้าหมายที่ต้องการ “



นายอีสแมน เจ้าของลิขสิทธิ์เทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการ HAARP นี้ ระบุถึงศักยภาพของมันว่า
"สามารถรบกวนระบบโทรคมนาคมทั้งหมด ในพื้นที่ขนาดใหญ่มากบนโลก สามารถเบี่ยงเบนทิศทาง
หรือทำลายจรวด และเครื่องบิน สามารถปรับเปลี่ยนภูมิอากาศ "



การทำงานของอาวุธนี้ อาศัยเทคโนโลยีการส่งคลื่นวิทยุแม่เหล็กไฟฟ้าพลังมหาศาล ขึ้นไปที่ชั้นบรรยากาศ
เพื่อยกบริเวณชั้นบรรยากาศส่วนบน (ไอโอโนสเฟีย) ของโลกขึ้น โดยเล็งพลังงานไปยังพื้นที่บนชั้นบรรยากาศ
และเผาบริเวณนั้นจนร้อน คลายต้มจนหลอมละลายจนกลายเป็นเสมือนจานพลาสม่าขนาดยักษ์ ที่สามารถรับส่งคลื่นได้



จากนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ก็จะสะท้อนกลับมายังผิวโลก และทะลุทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง
ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ไปยังเป้าหมายที่ต้องการ รวมไปถึงส่งพลังงานนั้นลงไปสู่ชั้นหินใต้ดิน
เพื่อก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือน ถ้าเปลือกโลกตรงนั้นมีรอยแยกอยู่เดิม ก็สามารถทำให้แผ่นดินไหวได้ง่าย
ถ้าเกิดในทะเล ก็สามารถทำให้เกิดคลืนสึนามิได้



มันยังสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ร่วมกับดาวเทียม และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อควบคุมกระแสลมกรด
ซึ่งเป็นกุญแจของธรรมชาติ ที่จะนำพากลุ่มเมฆ น้ำฝน ความร้อน ความแห้งแล้ง และความหนาวเย็น และ อื่นๆ อีกมาก



พ.ศ.2539 คือปีที่มีหลักฐานยอมรับว่าเทคโนโลยีในการบังคับดินฟ้าอากาศมีจริง โดยเอกสารชื่อ
"กองทัพอากาศสหรัฐ รหัส 2025" ได้ระบุเป้าหมายในอนาคต ของกองทัพอากาศสหรัฐว่า "การเปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศ
จะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคง ทั้งในและระหว่างประเทศ และสามารถกระทำได้แบบเอกภาคี เป็นไปได้ทั้งเชิงการรุก และรับ
หรือกระทั่งในการข่มขู่ศัตรู.....”



“ ความสามารถในการทำฝน หมอก และพายุ หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนอกโลก
และการสร้างดินฟ้าอากาศต่างๆ นี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี แบบบูรณาการ
ซึ่งสร้างเสริมศักยภาพให้กับสหรัฐหรือลดทอนศักยภาพของศัตรู..."



ก่อนหน้าการประกาศนี้ สหรัฐได้ซุ่มเงียบ ลงทุนพัฒนาและทดลองเทคโนโลยีการควบคุมดินฟ้าอากาศ
มาเป็นเวลาช้านานจนมั่นใจได้ว่าสามารถบรรลุภาระกิจที่ตั้งไว้ได้จริง

ปี 2539 นายวิเลียม โคเฮน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐสมัยนั้น ปาฎกถาเรื่องการก่อการร้าย ณ มหาวิทยาลัยจอร์เจีย
ตอนหนึ่งว่า...การป้องกันเกี่ยวกับอาวุธที่ไม่ธรรมดา จะต้องเพิ่มมากขึ้น เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายพัฒนาอาวุธเคมี และเชื้อโรค
และกรรมวิธีทาง “ พลังงานแม่เหล็ก ที่สามารถเปิดรูโหว่ในชั้นโอโซน หรือกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิดได้"



เป็นวิธีการปกติของอิลลูมินาติ ที่จะต้อง “ปั้นเสือให้วัวกลัว” เพื่อจะใช้เงินงบประมาณมหาศาล เพราะผู้ก่อการร้าย
คงสามารถค้นคิดอาวุธร้ายแรงเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง แต่เขาอาจมีศักยภาพเพียงการลอกเลียน
และประยุกต์อาวุธขึ้นจากเทคโนโลยี ที่มีบรรดาประเทศมหาอำนาจได้ค้นคิดพัฒนาและใช้การได้จริงเท่านั้น

พ.ศ.2540 ที่ประชุมใหญ่องค์กรสหประชาชาติประจำปี ได้มีการลงนามในอนุสัญญา "การห้ามใช้เทคโนโลยี
การปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศเพื่อการทหาร และการรุกราน ที่สร้างผลกระทบที่กว้างขวาง ยาวนานและรุนแรง"
ทั้งนี้นิยามของ "เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศ" หมายถึง "เทคโนโลยีที่จงใจเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธรรมชาติ
การเคลื่อนไหว องค์ประกอบ โครงสร้างของโลกรวมถึงชั้นบรรยากาศต่างๆ หรืออวกาศ"

พ.ศ.2541 คณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคงและนโยบายการทางทหาร
ของรัสเซีย (ช่วงนั้นรัสเซีย เพิ่งแยกจากสหภาพโซเวียติมาก่อตั้งประเทศยังไม่ถึง 10 ปี)
ได้เคยร้องเรียนต่อรัฐสภาสหภาพยุโรป (EU) ว่าจากกรณีที่สหรัฐปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า
ในการเปิดเผยข้อมูล และอนุญาตให้องค์กรอิสระนานาชาติ เข้าไปตรวจสอบโครงการ HAARP

คณะกรรมาธิการ ฯ จากรัสเซีย ยังเรียกร้องให้รัฐสภายุโรป ร่างสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
ว่าด้วยผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม จากกิจกรรมทางการทหารอีกด้วย สหรัฐ เมื่อถูกจับได้จึงประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่า
โครงการ HAARP กำลังอยู่ในชั้นตอนสุดท้ายของการขยายกำลังส่ง
และคาดว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ ให้ใช้การได้เต็มที่ในราวปี พ.ศ. 2549

พ.ศ. 2544 นาย เดนิส คูชินิชได้ วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ เสนอร่างกฎหมายเลขที่ HR2977
ว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธในอวกาศ ตอน หนึ่งของร่างนี้กล่าวถึง "....อาวุธทางภูมิอากาศหรือ
อาวุธทางรอยเลื่อนของชั้นแผ่นดิน" เพราะเขาเริ่มระแคะระคาย และมีหลักฐานข้อเท็จจริง
เกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธเหล่านี้

พ.ศ.2545 การค้นพบอิทธิพลรังสีแกมม่า เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศได้นี้ของอเมริกา
ถูกยืนยันโดยทีมนักวิทยาศาสตร์เยอรมัน จากสถาบันนิวเคลียร์ฟิสิกส์แมกส์ แพลงค์ สถาบันเลื่องชื่อของโลก
พลังงานแม่เหล็ก ก็ส่งผลต่อสนามแม่เหล็กโลก และสามารถกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิดได้ด้วย

พ.ศ.2546 สมาชิกของคณะกรรมาธิการถึง 4 คณะ ของสภาสูงสุดรัสเซีย (สภาดูม่า) และสมาชิกสภาทั้งหมด 90 คน
ได้ร่วมกันลงชื่อในรายงาน เสนอต่อประธานาธิบดี ปูติน , องค์กรสหประชาชาติ (UN) , ประเทศสมาชิก ,
องค์กรระหว่างประเทศต่างๆ , ผู้นำและรัฐสภาทุกประเทศ , องค์กรทางวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง และสื่อมวลชนชั้นนำของโลก

เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมโลก มีมติห้ามสหรัฐ ทดลองอาวุธที่มีแสนยานุภาพสูง HAARP นี้ ในรายงานนี้ปรากฏข้อความว่า
"ภายใต้โครงการ HAARP สหรัฐกำลังสร้างอาวุธใหม่ทางธรณีฟิสิกส์ ซึ่งอาจสามารถส่งอิทธิพลต่อ
ชั้นบรรยากาศใกล้โลก ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง"

"แสนยานุภาพ ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับการเปลี่ยนแปลงจากอาวุธมีคม
สู่อาวุธปืน หรือจากอาวุธธรรมดา สู่อาวุธนิวเคลียร์" รายงานนี้ ยังระบุอีกว่าสหรัฐ กำลังสร้างอาวุธ HAARP
นี้ในพื้นที่สามแห่ง คือ ที่รัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา , กรีนแลนด์ และในประเทศนอร์เวย์ โดยสหรัฐ
ได้ทดลองใช้อย่างเต็มตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2546 มาแล้ว....”

รายงานของสภาดูม่าสรุปว่า “ เมื่ออุปกรณ์ทั้งหมดได้ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศจาก อลาสก้า นอร์เวย์ และกรีนแลนด์ แล้ว
ความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมาย พร้อมกับอานุภาพอันมหัศจรรย์ จะนำไปสู่ความสามารถอันแท้จริง
ในควบคุมชั้นบรรยากาศใกล้โลก" ปัจจุบันนี้ HARRP มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 6 เครื่อง ได้แก่

อยู่ในอเมริกา 3 เครื่อง , อยู่ในยุโรป 1 เครื่อง , อยู่ในรัสเซีย 1 เครื่อง (รัสเซียก็มีเป็นของตัวเอง) ,
อยู่ในจีน ไม่แน่ใจในจำนวนเครื่อง เพราะเพิ่งทดลองใช้เมื่อปี 2557 มานี้เอง
รูปร่างเครื่องแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ขึ้นกับว่าจะใช้ทำอะไร เช่น ทำแผ่นดินไหว ทำพายุฝน ฯลฯ


อ่านมาถึงตอนนี้หลายคนคงกำลังช็อค ในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินละเอียดแบบนี้
ว่าเขาใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มาบังคับธรรมชาติเพื่อประโยชน์ทางทหารกันเลยหรือ
ก็บอกตั้งแต่ตอนก่อนแล้ว ว่ากลุ่มอิลลูมินาติ เขาคิดและทำอะไรได้มากว่าที่คนทั่วไปรู้อีกมาก

เอกสารทุกอย่างบันทึกไว้ในระบบแล้ว มีองค์กรใหญ่ๆ ระดับโลก เช่น UN , ระดับรัฐบาล
เช่น สภาฯ กรรมาธิการ , สถาบันนิวเคลียร์ฟิสิกส์ในยุโรป ไม่ใช่โครงการที่ลึกลับอะไรมาก
เขามีสถานที่ตั้งโครงการตรวจสอบได้ และอเมริกาก็แถลงยอมรับต่อชาวโลกเมื่อ 16 ปีมาแล้ว
อย่างเปิดเผย ไม่ใช่เรื่องที่เต้าข้อมูลขึ้นมาโดยไร้หลักฐานราชการ

รัสเซีย เขารู้อย่างเป็นทางการมา 16 ปีที่แล้ว เขาถึงคิดเทคโนโลยี ที่ทัดเทียมกับอเมริกา มายันกันไว้
และคอยบลาฟเป็นอริกันตลอดมา เพราะทุนนิยมเลือกตั้งประชาธิปไตย คือ มวยฝ่ายแดง แต่อนุรักษ์นิยม
(คอมมิวนิสต์เป็นแบบหนึ่งของระบอบนี้) เป็นมวยฝ่ายน้ำเงิน ทั้งคู่ต่างไม่ยอมกัน



ในช่วงหลังปี พ.ศ.2546 เป็นต้นมา ถ้าสังเกตุจะพบว่ามีภัยพิบัติร้ายแรง ที่คนตายนับไม่ถ้วน เพราะ HAARP
เมื่อยิงไปจุดไหนบนผิวโลก จะเกิดการแปรปรวนของสภาพอากาศ และธรณีวิทยา เมื่อคลื่นดังกล่าวสั่นสะเทือนบนอากาศ
ก็ทำให้ท้องฟ้าปั่นป่วนเป็นพายุได้ ที่หลายคนยังจำติดตา คือ
การเกิดคลื่นสึนามิ เมื่อ 26 ธันวาคม 2547 มีคนตายไปหลายแสนคน


ที่มา เพจแฉความลับ





หมวด: เทคโนโลยี
»แอมป์หลอด
09-07-2019
»Sensor Flywheel เสียอาการเป็นอย่างไรครับ
13-08-2016
»ไมโครซอฟท์จัดเต็ม อย่างเยี่ยมเลย
07-10-2015
»ยานเกราะล้อยางของไทย
21-09-2015
»วินโดวส์8.1ใช้ตัวเลขชุดขวามือไม่ได้แก้อย่างไร
09-09-2015
»ทีวี 4k
10-09-2015
»ฝีมือนักวิจัยไทยแยกน้ำจืดจากน้ำเค็มด้วยไฟ 5 โวลต์
15-07-2015
»จาก 35,000 กม.บนห้วงหาว ดาวเทียมญี่ปุ่นดวงใหม่ไล่จับไต้ฝุ่นอยู่หมัดชัดแจ๋วแหวว
15-07-2015
»ที่พักสำหรับนักเดินทางไม่ง้อไฟฟ้าประปาโทรศัพท์
30-05-2015
»มือถือรุ่นใหม่เร็ว ๆนี้
17-03-2015
»เตือนภัย! อย่าหลับแล้วปล่อยหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงานตามลำพัง
12-02-2015
»เครื่องบินบังคับที่เรียกว่า "โดรน"
29-01-2015
»ผลตรวจเครื่องบินตกที่อินโดฯ เสียงสัญญาณดังระงมในห้องนักบิน
23-01-2015
»ที่ผ่านมามีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นบ่อย HAARP อาจเป็นคำตอบ
22-01-2015
 
หน้าแรก  เกี่ยวกับเราคุณครู.คอม


คุณครู.คอม ขอแสดงเจตนาว่าทุกข้อความใน เว็บไซต์นี้ให้คัดลอกได้
ไม่จำกัด เพื่อเป็นวิทยาทาน เพื่อการศึกษาเท่านั้น . .

email  [email protected]


kkwebv56   Copyright©2023 kunkroo.com
Development from SMEweb 1.5f By คุณครู.คอม