คุณครู.คอม
.









Online: 16 user(s)

ตั้งแต่ 3 กุมภาพันธ์ 2541





kunkroo radio

ตรวจสอบแทรคไปรษณีย์ไทย

domain register Admin Only

ทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ต

ตรวจสอบไอพี(IP check for locate)

..
     


    :  เกี่ยวกับเราคุณครู.คอม
หมวด: บทความ
ตัดสินคดีโกงในสมัยโบราณ
31-03-2016 เข้าชมแล้ว: 6390
บทความต่อไปนี้
เป็นการย่อความจากเรื่อง “คดีพระปรีชากลการ มโหฬารงานสร้างทางการเมือง” จากนิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ 3183 - 3194
ซึ่งเขียนโดยหม่อมหลวงชัยนิมิตร นวรัตน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว



“นาย โทมัส ยอร์ช น็อกซ์ กงสุลใหญ่ (ประเทศอังกฤษ) มีธิดาซึ่งเกิดจากภรรยาคนไทย ชื่อแฟนนี ผู้ซึ่งเต็มใจที่จะมีความรักกับขุนนางสยามชื่อพระปรีชาฯ
ข้าหลวงจังหวัดหนึ่งผู้ยักยอกทองคำจากเหมืองทองภายใต้ความรับผิดชอบ มูลค่า 200,000 ปอนด์ แล้วมีความวิตกกังวลว่าจะถูกจับได้
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็คงจะถูกตัดศีรษะ จึงคิดว่าสิ่งที่จะทำให้ตนหลุดรอดก็คือ แฟนนี เขาจึงได้เสียกับเธอและรับจะเลี้ยงดู แต่นายน็อกซ์
(บิดาของแฟนนี) ปฏิเสธ ดังนั้น เขาจึงโน้มน้าวใจเธอหนีตามเขาไปกับเรือยอซท์กลไฟ โดยให้นอนร่วมห้องกับภรรยาอื่นที่เขามีอีกหลายคน
มาหนึ่งคืน หลังจากนั้น นางก็ขอประนีประนอมกับบิดา และนายน็อกซ์ก็ถูกบีบให้ยอมรับลูกเขย

รัฐบาลสยามไม่ยอมรับการกระทำละเมิดฉันชู้สาวต่อผู้แทนของชาติต่างประเทศ พระปรีชาจึงถูกเฆี่ยนในที่สาธารณะ 30 ที
แต่นายน็อกซ์กลับไม่ยอมรับการชดเชยต่อการเสื่อมเสียเกียรติยศนี้อย่างที่ควร ตรงกันข้าม เขาแสดงความเดือดดาลที่รัฐบาลสยามไม่ให้
ความเคารพไม่สอดส่องดูแลทำให้เกิดปัญหาขึ้นในบ้านของเขา และยังเฆี่ยนลูกเขยเขาเสียอีก (พาลหาเรื่อง ทั้ง ๆ
ที่ตอนแรกก็ไม่ชอบพระปรีชาและห้ามลูกสาวคบค้าสมาคมด้วย จนกระทั้งห้ามพระปรีชาเข้าบ้าน เพราะเห็นว่าเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ
แต่เมื่อเป็นญาติกันแล้วเหตุการณ์กลับตาลปัดหน้ามือเป็นหลังมือ)

เขา (นายน็อกซ์) เรียกร้องคำขอโทษโดยทันที และให้ปล่อยตัวพระปรีชาฯ ผู้ซึ่งกำลังถูกดำเนินคดีเรื่องเหมืองทองคำและถูกคุมขังอยู่
เมื่อรัฐบาลสยามปฏิเสธ เขาได้สั่งให้เรือรบหลวงเข้าไปกรุงเทพฯ แต่ยังโชคดี หากลอร์ดซอลสบรีมิได้ทราบเรื่องนี้อย่างทันท่วงที
และได้สั่งให้ทางการโทรเลขให้ระงับเสีย มิฉะนั้น เขา (นายน็อกซ์) ก็อาจจะดำเนินการต่อไปถึงขั้นรุนแรง”

ข้อความข้างต้น คือ ข่าวที่สื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในสมัยนั้น !!!



ซ้ายพระปรีชาฯ ขวา แฟนนี

คดีของพระปรีชาฯ มิใช่เป็นการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงเช่นคดีทั่ว ๆ ไป แต่มีการใช้ชาวต่างชาติ (กงสุลใหญ่อังกฤษ ซึ่งเป็นบิดาแฟนนี)
บีบบังคับในหลวงรัชกาลที่ 5 (ซึ่งในอดีตพระมหากษัตริย์อยู่ในกระบวนการยุติธรรม) ด้วยการข่มขู่ที่จะใช้เรือรบหลวง (อังกฤษ)
ถล่มพระนคร ถล่มพระบรมมหาราชวัง ถ้าไม่ทำตามที่เรียกร้อง สร้างความทุกข์พระราชหฤทัย
และสร้างความวิตกกังวลต่อในหลวงขณะนั้นเป็นอย่างมาก

ด้วยคดีความดังกล่าว จึงได้นำเรื่องนี้มาถ่ายทอดให้ประชาชนคนไทยได้รับรู้ว่า “ในอดีตมีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์โกงหลวง และสารพัดทำผิดกฎหมาย
อย่างโหดอำมหิต ถึงขั้น ชักศึกเข้าบ้าน เพื่อให้ตัวเองหลุดรอดจากคดี ซึ่งไม่แตกต่างจากปัจจุบันมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีพฤติกรรม ฉ้อราษฎร์โกงหลวง
ชักศึกเข้าบ้าน เพื่อให้ตัวเองและพรรคพวกรอดพ้นจากความผิดไม่ต้องรับโทษติดคุกติดตะราง ไม่ต้องถูกยึดทรัพย์
บ้านเมืองจะวิบัติหายนะอย่างไรไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้นและตอนอื่น ๆ จนจบ จะทราบว่าทำไมโคตรโกงถูกประหารชีวิต)
พระยากระสาปนกิจโกศล มีบุตรชาย 3 คน ได้แก่ พระปรีชากลการ หลวงพิจารณ์จักรกิจ และ หลวงพินิจจักรภัณฑ์
ซึ่งครอบครัวนี้เป็นตระกูลที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ตระกูลหนึ่งในสมัยนั้น



ด้วยครอบครัวของพระยากระสาปนกิจฯ มีความชำนาญเรื่องเล่นแร่แปรธาตุเงิน ๆ ทอง ๆ ดังนั้น ผู้ใดเล่าจะเหมาะสมสำหรับความไว้วางพระราชหฤทัย
ให้ไปทำเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งหลวงตกลงจะลงทุนทำเองที่กบินทร์ แขวงเมืองปราจีนบุรี โดยพระยากระสาปนกิจฯ ได้มอบหมายให้พระปรีชาฯ
(บุตรชาย)จัดการติดตั้งเครื่องจักรทำเหมืองแร่ทองคำครั้งนั้น

โดยที่โรงงานถลุงแร่ ตั้งอยู่ในตัวเมืองปราจีนบุรี ตามแผนจะต้องขนส่งก้อนแร่จากเหมืองในป่ากบินทร์บุรี โดยทางเรือ แต่ลืมคิดไปว่าแม่น้ำปราจีนบุรี
คดเคี้ยวยิ่งกว่างูเลื้อยเสียอีก และถ้าบริเวณใดมีตอไม้กีดขวาง ต้องใช้แรงงานคนให้ดำลงไปขุดต่อใต้น้ำ ชาวบ้านถูกเกณฑ์ให้ทำการขุดตอ
ใต้น้ำเป็นคนป่าคนดงไม่ชำนาญเรื่องในน้ำ บางคนถูกบังคับให้ดำน้ำโดยใช้ไม้ง่ามค้ำคอลงไปจนขาดใจตายก็มี
กว่าตอจะหมด เรือผ่านได้ก็สังเวยไปหลายศพ เมื่อถึงหน้าแล้งน้ำลดเรือล่องไม่ได้ก็ใช้วิธีการเกณฑ์ชาวบ้านทั้งลากทั้งถ่อ สุดลำบากยากเข็ญ
การขนแร่ล้าช้า วัตถุดิบจึงไม่มีป้อนโรงถลุงมากเท่าที่ควร

ชาวบ้านเมื่อได้รับความทุกข์ยากลำบากจากการเกณฑ์ขนแร่ จึงหนีเกณฑ์จนไม่มีชาวบ้านอยู่ในเมืองต้องไปเกณฑ์จากหัวเมืองอื่น
ดังนั้น ขุมทองของพระเจ้าอยู่หัวจึงโดนพระปรีชาฯเปลี่ยนเป็นขุมนรก ชาวบ้านทุกคนคิดแต่จะทิ้งถิ่นฐานกันหมด เพราะอยู่ต่อไปก็ตายเร็ว
อย่างแน่นอนผลสุดท้ายพระปรีชาฯทิ้งโรงงานเดิมที่สร้างเสียสวยหรูเลิศ ด้วยการย้ายเครื่องจักรไปตั้งโรงงานถลุงใหม่ใกล้บ่อทองที่กบินทร์เสียเลย
(คำถามคือทำไมไม่ทำเสียตั้งแต่แรก) แต่ก็ไม่วายมีปัญหาเรื่องขนส่งอีก จนต้องจ้างแรงงานชาวจีนถมถนนจากปากน้ำไปถึงบ่อทอง

เมื่อมีการสอบสวนเรื่องทารุณกรรมกับชาวบ้าน แต่ก็ไม่มีผลกระทบอันใดกับพระปรีชา แต่กลับมีอำนาจใหญ่รั้งตำแหน่งเจ้าเมืองปราจีนบุรีอีกตำแหน่ง
ดังนั้น เมื่อเป็นทั้งเจ้าเมืองและผู้บริหารกิจการบ่อทองของหลวง มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่มีใครกล้าเข้าไปกำกับดูแล ดังนั้น
ทางราชการจึงไม่มีทางทราบว่าผลผลิตที่แท้จริงนั้น มีจำนวนเท่าไหร่ นอกจากทองคำที่พระปรีชาฯ จะจัดส่งไปถวายเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น



ในช่วงเวลาดังกล่าวพระปรีชาฯ มีแต่ร่ำรวย มีทรัพย์สินเงินทอง มีสิ่งอำนวยความสะดวก สิ่งของหรูหราฟุ่มเฟือยส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น
ป็นที่เชิดหน้าชูตาของสังคมชั้นสูง

เมื่อรุ่งสุดขอบฟ้า ก็ถึงคราวร่วงหล่น !!!

เมื่อนายเกิด เสมียนคนสนิทของพระปรีชาฯ ที่ปราจีนบุรี ถูกพระปรีชาฯ ลงโทษ เพราะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงในจวนถึงกับท้องโตขึ้นมา
พระปรีชาฯโกรธมากสั่งเฆี่ยนนายเกิด แล้วนำไปขังในคุกคอกหมู แต่นายเกิดมีเส้นสาย เมื่อเห็นว่าตนได้รับการกระทำที่รุนแรงเกินไป
จึงเขียนหนังสือฟ้องร้องญาติผู้ใหญ่ว่า “พระปรีชาฯยักยอกทั้งเงินหลวงและทองคำจากเหมืองไปเป็นส่วนตัว แล้วฝากให้นายสาย
ไปมอบให้ญาติผู้ใหญ่ แต่ถูกนายสายหักหลัง นำหนังสื่อนั้นไปให้พระปรีชาฯ เพื่อเอาหน้า นายเกิดจึงซวยถูกหลงโทษหนักขึ้นกว่าเดิม
การหักหลังเพื่อนมีมาแต่โบราณกาลเช่นกัน เพราะความโลภและอิจฉา ทุกกาลทุกสมัย

ต่อมานายเกิดแหกคุกหนี แต่ไปไม่รอด พระปรีชาฯ ระดมไพร่พลไปลากตัวกลับมา คราวนี้ให้ใส่ขื่อคาที่คอ สารพัดที่จะทรมานให้ตาย
ด้วยพระปรีชาฯเป็นคนหัวหมอ เพื่อหลักเลี่ยงไม่ให้โทษถึงตัว การตายของนายเกิดจึงต้องทำให้เป็นธรรมชาติที่สุด
ด้วยการทำให้ร่างกายขาดอาหารตาย แล้วลงบันทึกว่าเพราะป่วยตาย

แต่เรื่องนายเกิดมิได้เงียบไปอย่างพระปรีชาฯหวัง เพราะอยู่ ๆ ก็มีอ้ายโม่งนำกระดาษข้อความปิดที่กำแพงเมืองว่า “พระปรีชาฯลูกพระยากระสาปน์
หลานเจ้าคุณปากกระสอบ ออกทำทองที่ปากคลองดักลอบ ไม่ได้ทองสักกอบ หัวจะกุด” (ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงโพสต์ Facebook กันสนั่นเมือง)
แม้ว่าพระปรีชาฯจะให้สินบนจับคนปิดประกาศ แต่จับมือใครดมไม่ได้ ขบวนการปล่อยข่าวอย่างเป็นระบบก็มิได้หยุดแค่นั้น
ในที่สุดเสียงลือเสียงเล่าอ้างก็ถูกนำเข้าไปแพร่ในกรุงเทพว่า “พระปรีชาฯยักยอกทองคำพระเจ้าอยู่หัว”

ดังนั้น พระปรีชาฯย่อมรู้แก่ใจว่ากระแสที่ลุกลามขึ้นครั้งนี้ไม่ธรรมดาสุดปัญญาที่ตนจะระงับได้ จึงพยายามเข้าไปเป็นแขกประจำบ้านนายน็อกซ์ถี่ขึ้น
แล้วถือโอกาสปิดเกมรุกขนาดขอแต่งงานกับแฟนนี แต่แล้วก็ต้องผิดหวังครั้งใหญ่ นายน็อกซ์คงได้รับรายงานข่าวลืออันฉาวโฉ่นี้มาเช่นกัน
จึงปฏิเสธอย่างเลือดเย็น หนำซ้ำยังห้ามมิให้พระปรีชาฯเหยียบบ้านตนอีกต่อไปด้วย

แต่สุดท้ายด้วยเล่ห์เหลี่ยมของพระปรีชาฯ ก็สามารถรวบหัวรวบหางจัดการเอาแฟนนีเป็นเมียจนสำเร็จ ดังนั้น นายน็อกซ์ต้องยอมตกกระไดพลอยโจน
ต้องเป็นพวกด้วย ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

วิบากกรรม นำสู่หนทางนรก !!!

กรณีที่นายน็อกซ์ จะนำเรือรบหลวงข่มขู่ในหลวง เพื่อช่วยลูกเขย (พระปรีชาฯ) นั้น ในหลวงแก่เกมด้วยการแต่งตั้งคณะราชทูต เดินทางไปประเทศอังกฤษ
เพื่อชี้แจ้งต่อรัฐบาลอังกฤษ และเข้าเฝ้าพระราชินีอังกฤษ ตลอดจนให้อังกฤษสั่งย้ายนายน็อกซ็ให้พ้นหน้าที่กงสุลประจำประเทศไทย
โดยที่นายน็อกซ์ไม่รู้ตัวมาก่อน ต่อเมื่อคณะราชทูตออกเดินทางไปแล้ว นายน็อกซ์ตั้งตัวไม่ทัน จึงหมดอำนาจข่มขู่ หมดทางช่วยเหลือลูกเขย


ภาพวาดลายเส้น คณะราชทูตสยามเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียเพื่อถวายพระราชสาสน์และเครื่องราชบรรณการ ณ พระราชวังวินด์เซอร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔oo
หมอบอยู่หน้าสุด - พระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค)




เทวดาตกสวรรค์ โดนลงทัณฑ์ !!!


การที่พระปรีชาฯ พาบุตรสาวกงสุลอังกฤษไปอยู่ด้วยบนเรือที่หน้าพระราชวังบางประอินโดยเปิดเผย โดยไม่คำนึงถึงเกียรติยศของกงสุลอังกฤษ
และยังทำให้กงสุลอังกฤษอับอาย ต้องจำใจให้ทั้งสองแต่งงานกัน

พระปรีชาฯ เป็นขุนนางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงชุบเลี้ยง เมื่อจะมีภรรยาเป็นบุตรขุนนางต่างประเทศ โดยมิได้กราบบังคมทูล
ขอพระบรมราชานุญาต และมิได้บอกเสนาบดีผู้ใหญ่ให้รับรู้ก่อน การกระทำดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการกำเริบดูถูก
ดูหมิ่นแก่เจ้านายและบ้านเมืองของตนหรือไม่

พระปรีชาฯ ได้รับทำกิจการบ่อทองคำที่เมืองกบินทร์บุรี เบิกเงินหลวงไปเป็นจำนวน 15,500 ชั่งเศษ แต่ส่งทองเข้าหลวงเพียง 111 ชั่ง 8 ตำลึง กึ่ง 3 หุน
จะมีความผิดหรือไม

นอกจากคดีดังกล่าวข้างต้น ยังมีคดีหนัก ๆ อีกหลายคดี เช่น คดีพระปรีชาฯ ปล่อยนักโทษให้ไปทำนาอยู่กับนายเอี่ยมที่หลังโรงถลุงทอง
แล้วสั่งให้นายเอี่ยมปล่อยนักโทษไปขโมยกระบือ และม้า เพื่อนำไปขายให้กับพระปรีชาฯ (ไม่ชั่วจริงคิดแบบนี้ไม่ได้ เหมือนกับใครบางคน)
คดีฆ่าคนตาย 2 คดี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ พระปรีชาฯ แสดงความเก๋าในการต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรม จึงเปิดฉากขึ้นด้วยการลุกขึ้นกล่าวกับคณะตุลาการว่า
จะไม่ยอมให้การใด ๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะมีการสืบพยานต่อหน้าตน

ตุลาการจึงต้องนำพยาน 2 ปากให้การต่อหน้าจำเลย ถึงแม้พระปรีชาฯ ไม่ยอมรับสารภาพตลอดข้อหา
แต่ตุลาการมีความเห็นว่า พยานโจทก์ที่มาให้การล้วนแล้วแต่เป็นผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์เกือบทั้งหมด คำให้การมีน้ำหนักเชื่อถือได้ ความผิดของพระปรีชาฯ ชัดเจน

คดีต่อไป คือ คดีจับจีนช่างทำหมันทิ้งน้ำให้ตาย (หมันในที่นี่หมายถึงวัสดุเหนอะ ๆ ที่นำมาฟั่นเข้ากับเชือก สำหรับตอกอัดเข้าไปในร่องกระดานของเปลือกเรือ)
ตลอดจนพระปรีชาฯสั่งให้เจ้าเมืองโค่นป่า เอาไม้มาแปรรูปเป็นไม้กระดานนำไปใช้งาน ก็เบียดบังเอาไม้มีค่าไปเป็นของตนจำนวนหนึ่ง (มีโอกาสเป็นต้องโกง)
โดยจ้างคนจีนมาทำหมันตอกเรือ 2 คน จากคำให้การพาดพิงถึงเรื่องพระปรีชาฯ ทำโทษจีน 2 คนนั้น เข้าข่ายฆ่าคนตาย

ตุลาการจึงทำการสอบสวนพระปรีชาฯ ในข้อหากระทำการอันทำให้ชาวจีน 2 คนถึงแก่ความตาย ตามคำฟ้องของนายยิ้ม
โดยมีนายนวน นายชื่น นายหลง เป็นพยาน

คดียักยอกทองคำ เสมียนคนสนิทของพระปรีชาฯ ชื่อนายสุดใจ ไม่ย่อมให้ความร่วมมือกับทางการเกี่ยวกับการสอบสวนบัญชีบ่อทอง
เพราะพระปรีชาฯ เตรียมสู้คดีเต็มที่ ซึ่งนายสุดใจเป็นพยานปากสำคัญ ทางการสอบสวนจึงต้องใช้วิธีการทั้งขู่ และปลอบ รวมทั้งรับปากว่า
ถ้านายสุดใจจะติดคดีคิดร่างแหต้องโทษในคดี จะหาทางช่วยเหลือ เวลานั้น มีนายช่างชาวอังกฤษ ที่พระปรีชาจ้างมา
โดนลูกเล่นของทางการสอบสวน เข้าไปหลายกระบวนท่า จึงยอมมอบบัญชีค่าจ้างคนงานให้แต่โดยดี นายสุดใจเห็นดังนั้น
จึงถอดใจเปิดปากรับสารภาพจนหมดสิ้น

คดีบ่อทอง การประลองกำลังยกสุดท้าย !!!

พระปรีชาและนายน็อกซ์วางแผนหาทางสู้คดีในเรื่องคดีบ่อทองไว้อย่างดี มีการประสานงานกันผ่านนายหนู น้องชายต่างมารดา
โดยให้บ่าวไพร่ส่งปิ่นโตให้พระปรีชาฯ ในคุกทุกวัน เนื่องจากทางการไม่ห้ามเข้าเยี่ยม เพียงแต่ให้พูดคุยในสายตาเท่านั้น

พระพิเรนทรเทพ ผู้คุมได้คอยเฝ้าดูความเคลื่อนไหวได้รายงานว่า พระปรีชาฯ คุยโม้กับผู้คุมว่า “คดีนี้สบายมาก ตัวเองไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย”
(ขี้โม้เหมือนใครบางคน)

กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ มีอักษรถึงสมเด็จเจ้าพระยาว่า “ถ้าจะสู้เรื่องบัญชีเห็นจะไม่ได้
พราะเขาเตรียมหลักฐานไว้หักล้างข้อกล่าวหาหมดแล้ว

พระเจ้าอยู่หัว จึงทรงรู้สึกหนักพระทัย ถึงกับตรัสว่า “ด้วยเขาไม่โง่ การสิ่งใดก็คงตระเตรียมหาช่องทางไว้ทุกอย่าง จะจับต้องให้มั่น ….”
ความผิดของพระปรีชาฯ มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทั้ง พ่อ น้อง ๆ และเมีย บ่าวไพร่ ตัวอย่างเช่น เมียน้อยพระปรีชาฯ
บางคนลงทุนใช้ไสยศาสตร์ด้วยการนำหีบหมากซองบุหรี่ และเข็มขัดทองของแฟนนีไปให้นางปลั่ง หมอทำเสน่ห์ให้ทำพิธีฝังรูปฝังรอย
เพื่อทำให้พระเจ้าอยู่หัวรักใครพระปรีชาฯ จะได้ปล่อยตัวพ้นโทษ และทำให้ศัตรูของพระปรีชาฯ ทุกคน มีอันเป็นไปด้วยประการต่าง ๆ
แม้ว่าความจะแตกเสียก่อน เพราะมีการแอบเปลี่ยนทองที่นำไปทำพิธี (โกงกันเอง) แต่ถือว่าความผิดคิดร้ายผู้อื่นนั้น ได้ทำสำเร็จไปแล้ว

*ผู้ที่ยกประเด็นนี้ขึ้นมาสอบสวนคือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ระหว่างนั้นก็ยังฟันธงมิได้ว่ามีการกระทำทุจริตจริง
ก็เกิดประเด็นขึ้นแทรกซ้อน ไม่ทราบว่าพระปรีชาจะพยายามหาภูมิคุ้มกันตัวหรือเปล่าที่ไปสร้างรักกับนางแฟนนี ลูกสาวนายน้อกซ์
กงสุลใหญ่อังกฤษ ทั้งๆที่ตนเองมีเมียคนไทยตั้งหลายคนอยู่แล้ว นางแฟนนีเองก็คงจะเห็นว่าพระปรีชาเป็นบุคคลระดับอภิมหาเศรษฐีคนหนึ่ง
น่าจะคุ้มค่าเนื้อค่าตัวอยู่กระมัง เลยเออออห่อหมกกันไปโดยมีพ่อตาเข้ามาเอี่ยวด้วยอย่างน่าผิดสังเกตุ



การแต่งงานของพระปรีชากับแฟนนีเป็นการท้าทายพระราชอำนาจอย่างโฉ่งฉ่างจนเกินไป พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงไม่ชอบหน้านายน็อกซ์
เอามากๆอยู่ เพราะทรงเห็นว่านายน็อกซ์เคยใช้อิทธิพลของอังกฤษ พยายามจะผลักดันวังหน้าให้ขึ้นเป็นกษัตริย์มาแล้วในต้นรัชกาล
แต่ไม่สำเร็จ พระปรีชากลการจึงถูกจับจากจวนที่ปราจีนบุรี มาเข้าคุกที่กรุงเทพในข้อหายักยอกฉ้อโกงพระราชทรัพย์ และเป็นไปดังคาด
นายน็อกซ์ได้เข้าแทรกแซงข่มขู่พระองค์ โดยกล่าวหาว่าทรงเชื่อสมเด็จเจ้าพระยาจนเกินไปในเกมการเมืองที่พวกบุนนาค
พยายามบั่นทอนบารมีของพวกอมาตยกุล ด้วยการยัดข้อหาการกระทำอันเป็นทุจริตให้พระปรีชา แต่ยังหาหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้

ผมขอแทรกความเห็นส่วนตัวหน่อยนะครับ การลงทุนทำเหมือง แม้ในปัจจุบันที่ทีเทคโนโลยีสูงกว่าสมัยก่อนมากมาย แต่ก็ยังเสี่ยงที่ขุดไปแล้ว
ไปเจออย่างอื่นที่ไม่ใช่แร่ที่ต้องการอยู่ดี ยิ่งในสมัยโน้น โอกาสที่จะประเมินผิดประเมินถูกมีอยู่มาก การที่ทุนทรัพย์จะละลายไปในดิน
เป็นความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนจะต้องทำใจกับลูกน้องในข้อผิดพลาดโดยสุจริต(แน่ะ ใช้ศัพท์ทันสมัยซะด้วย)
ฝรั่งตั้งข้อสังเกตุว่า ระบบราชการไทย(ก่อนร.5ท่านจะทรงปฏิรูป) ข้าราชการไม่มีเงินเดือน แต่พระมหากษัตริย์จะพระราชทานสิทธิ์ในการทำมาหากิน
(ระบบศักดินา) ให้ข้าราชการไปหาเงินเลี้ยงชีพและครอบครัวเอาเอง บ้างก็ให้เป็นนายอากร เก็บเงินชาวบ้านแล้วมาแบ่งให้พระคลังตามที่ตกลงไว้
ระปรีชาเบิกเงินหลวงไปทำกิจการ ก็มีสิทธิ์เอาไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวด้วยเพราะไม่มีเงินเดือน จะเอาผิดได้อย่างไร *

*อ้างอิงจาก http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3248.60

พระปรีชากลการ มีความผิดเป็นอุกฤษโทษ ในข้อหาว่า "ฆ่าคนตายและทารุณกรรม แก่คนไทยที่เมืองกบินทร์บุรี"
จึงถูกจับมาล่ามโซ่ตรวนไว้ที่กรมทิมดาบ มร.น็อกช์ ผู้เป็นพ่อตา ซึ่งเป็นกงสุลอังกฤษประจำประเทศไทย จึงเข้ามาขู่กับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
(ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และสมุหพระกลาโหม ให้ปล่อยลูกเขยของตนเสีย มิฉะนั้นจะจับผู้สำเร็จราชการไปขังไว้ในเรือรบอังกฤษ
และให้ปืนเรืออังกฤษระดมยิงพระนคร ทั้งยังจะฟ้องรัฐบาลอังกฤษในเรื่องนี้ด้วย ด้วย มร. น็อกซ์ รู้ดีว่าสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
อยู่เบื้องหลังคดีนี้ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ซึ่งถูกกดดันด้วยเหตุผลทางการเมือง จึงใช้เป็นข้ออ้างในการเร่งรัดคดีให้สิ้นสุดเร็วที่สุด
ส่วน มร.น็อกซ์ ก็ทำตามคำขู่ที่กล่าวไว้คือ นำเรือรบที่ชื่อ Foxhound เข้ามาในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2422
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปรึกษาหารือกับขุนนางผู้ใหญ่ ในที่สุดเห็นพ้องว่า จะจัดส่งทูตออกไปชี้แจงข้อเท็จจริง
ต่อรัฐบาลอังกฤษ ในระหว่างที่เหตุการณ์เริ่มบานปลาย สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ก็ได้ทูลแนะนำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ให้เอาเรื่องการเมืองและการละเมิดอำนาจแผ่นดินเป็นประเด็นหลัก ส่วนเรื่องทุจริตเป็นประเด็นรอง
และยังกราบบังคมทูลให้ทรงใช้มาตรการเด็ดขาดโดยเร็ว

พระปรีชากลการจึงถูกลงโทษโดยการประหารชีวิตในที่สาธารณะ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2422 พร้อมครอบครัว และถูกริบราชบาตร
ถอดยศบรรดาศักดิ์ ให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยน 3 ยกและนำตัวไป “โดยให้ประหารชีวิต ด้วยการตัดศีรษะและนำหัวเสียบประจานในที่สาธารณะเมืองปราจีนบุรี
ต่อมา มร.น็อกซ์ก็ถูกทางการเรียกตัวกลับไป นางแฟนนี่ภรรยาต้องออกนอกประเทศ หลังจากพระปรีชาโดนประหารเพียง2วัน
นางแฟนนีก็หอบลูกเต้าข้าวของลงเรือไปยุโรปพร้อมเงินสดที่สามีนางโอนไว้ให้ทั้งหมด คนทั้งปวงคิดว่านางคงจะไปหานายน็อกซ์ผู้พ่อที่อังกฤษ
แต่ผิด นางไปลงที่ฝรั่งเศสอย่างมีจุดมุ่งมั่น การจะได้เงินบัญชีลับของพระปรีชามาใช้บ้างนั้น นางต้องเริ่มต้นที่ปารีส

เงินก้อนใหญ่ พระปรีชาเอาเงินจากที่ไหนไม่ทราบไปลงทุนกับฝรั่งยิวชาวสวิส ที่เข้ามาค้าขายในกรุงเทพเป็นเงินรวมกันถึง 38000 เหรียญสหรัฐ
ในลักษณะหุ้นกู้มีดอกเบี้ยรายเดือนๆละ 500 ปอนด์อังกฤษ รายละเอียดมากมายอยู่ในเอกสารข้างล่าง






แฟนนี่เองนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่นอาฆาตพยาบาท ถึงแม้เธอจะมีเลือดไทยอยู่ครึ่งหนึ่ง ก็ประกาศตัวตัดขาดจากกรุงสยาม
เข้าพบข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในประเทศอังกฤษ แนะนำยุยงให้อังกฤษส่งกองทัพบกและเรือเข้าโจมตีประเทศไทย เมื่อรัฐบาลอังกฤษ
ไม่แสดงความสนใจที่จะมาตีกรุงสยาม เพราะในขณะนั้นก็ได้ครอบครองแหลมมลายูไว้ในอำนาจของตนแล้ว แฟนนี่จึงเดินทางไปประเทศฝรั่งเศส
พยายามหาโอกาสใกล้ชิดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของฝรั่งเศส ยุยงให้ประเทศฝรั่งเศสรุกรานจากเขตญวนและเขมรเพื่อชิงประเทศไทยเป็นเมืองขึ้น
เมื่อความพยายามนี้ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะทางรัฐบาลฝรั่งเศสไม่คิดว่าเธอมีความสำคัญพอที่จะรับฟัง แฟนนี่จึงเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทย

ในหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนึ่ง แต่งโดย R.J. Minney ชื่อ Fanny and the Regent of Siam ได้เขียนเล่าชีวิตตอนปลายของแฟนนี่ไว้ว่า
เธออยู่ในกรุงเทพฯ อย่างยากจน ลูกติด 2 คนของพระปรีชาฯ นั้นได้ส่งกลับคืนให้ครอบครัวตระกูลอมาตยกุลนำไปเลี้ยงดูต่อไป
ส่วนลูกชายที่ชื่อสเปนเซอร์นั้นเป็นคนอายุสั้น ถึงแก่ความตายเมื่ออายุเพียง 21 ปี เธอจึงต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวแต่ผู้เดียว
เพราะเซอร์ ทอมัส นอกซ์ บิดาของเธอก็ได้เดินทางกลับไปประเทศอังกฤษและตายในเมืองนอก ส่วนแคโรไลน์น้องสาวนั้นแต่งงานกับ
หลุยส์ เลียวโนเวนส์ ลูกของนางแอนนา และไปดำรงชีพที่เชียงใหม่ เอาคุณปรางมารดาไปอยู่ด้วย



แฟนนี่ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ทำงานสังคมช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบเคราะห์กรรมถูกผู้อื่นกลั่นแกล้งกดขี่ เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ไทย
และอังกฤษ ชี้แจงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคนจนและคนรวย เจ้านายและชาวบ้านพลเมือง โดยมีจุดหมายให้ประชาชนชาวไทยตื่นตัว
ต้องการแก้ไขความไม่ยุติธรรมในระบบสังคมแห่งกรุงสยาม จนกระทั่งวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2468
เมื่ออายุได้ 69 ปี จึงตายอย่างเงียบๆ โดยไม่ผู้ใดสนใจเหลียวแล

ชีวิตของแฟนนี่ นอกซ์ คิดดูแล้วก็น่าสงสาร เพราะเคราะห์กรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นต่อเธอนั้น มิได้มาจากความผิดของเธอเอง
หากโชคชะตาโหดร้ายหลอกให้เธอเดินเส้นทางผิด ถึงแม้จะมีผู้สูงอำนาจวาสนาทั้งอังกฤษและไทยมารักใคร่ติดพัน เธอกลับเลือก
แต่งงานกับพระปรีชากลการ ฝืนคำตักเตือนของบิดามารดา กล่าวไว้ในประวัติศาสตร์ว่า เซอร์ ทอมัส นอกซ์ โกรธถึงกับในวันแต่งงานของเธอนั้น
ไม่ยอมเข้าร่วมพิธีด้วย การดื้อดึงปล่อยตนไปตามอารมณ์รักของชีวิตสาว ทำให้ต้องประสบเคราะห์กรรมใหญ่หลวง
สามีถูกลงพระราชอาญาประหารชีวิตและตั้งแต่นั้นต่อไป ชีวิตของเธอก็ดับมืด ประทังอยู่ในความขมขื่นพยาบาท หวังร้ายต่อกรุงสยาม
ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตน เมื่อไม่สามารถแก้แค้นแทนสามีได้ ก็ต้องอยู่แบบคนที่ไร้ความหมายจนกระทั่งสิ้นชีพ
เรื่องของ แฟนนี นอกซ์ สาวสยามครึ่งอังกฤษครึ่งไทย ผู้มีชีวิตรุ่งโรจน์อยู่เพียงระยะเวลาอันสั้น จึงจบลงเพียงเท่านี้

ผมไม่เชื่อบทสรุปข้างบนนี้ Fanny and the Regent of Siam เป็นเพียงนิยายสารคดีอิงประวัติศาสตร์ ผู้เขียนมีอิสระที่จะแต่งเรื่องราวที่ตนพอใจ
เพื่อไม่ให้เรื่องจืดชืดได้ ดูเรื่อง Anna and The King เป็นตัวอย่าง

เรื่องที่นางแฟนนีจะไปยุยงรัฐบาลอังกฤษให้นำกองทัพบกและเรือเข้าโจมตีประเทศไทยนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่คนสำคัญใดๆจะให้เข้าพบ
พ่อของเธอเป็นกงสุลใหญ่แท้ๆไปรายงานที่กระทรวงการต่างประเทศแล้วยังถูกปลดออกจากตำแหน่งไปเลย และที่ว่าเดินทางไปประเทศฝรั่งเศส
พยายามหาโอกาสใกล้ชิดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของฝรั่งเศส ยุยงให้ประเทศฝรั่งเศสรุกรานจากเขตญวนและเขมรเพื่อชิงประเทศไทยเป็นเมืองขึ้นก็คงไม่ใช่อีก
คงระแคะระคายเรื่องที่นางพยายามหาโอกาสใกล้ชิดข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของสยามเพื่อหาทางที่จะได้เงินของพระปรีชามาใช้บ้างมากกว่า
แล้วเอามาดัดแปลงปะติดปะต่อ

ยิ่งเรื่องที่กลับมาเมืองไทยแล้ว ทำงานสังคมช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบเคราะห์กรรมถูกผู้อื่นกลั่นแกล้งกดขี่ เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์
ไทยและอังกฤษ ชี้แจงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคนจนและคนรวย เจ้านายและชาวบ้านพลเมือง โดยมีจุดหมายให้ประชาชนชาวไทย
ตื่นตัวต้องการแก้ไขความไม่ยุติธรรมในระบบสังคมแห่งกรุงสยาม ยิ่งเป็นเรื่องที่ผมเห็นว่า ฝรั่งโม้ขึ้นเองเพื่อให้นางสมกับเป็นนางเอกของเรื่อง
หลักฐานใดๆในเรื่องนี้ฝ่ายไทยไม่เคยมีใครกล่าวถึงเลย
สังคมในกรุงเทพเป็นสังคมเล็กๆ ในระดับปัญญาชนที่เขียนเรื่องสังคมการเมือง พระเจ้าอยู่หัวจะทรงรู้จักทุกคน และมักจะทรง”วิพากษ์”
กลับไปบ้างเป็นครั้งคราว ในสมัยรัชกาลหก พระองค์มีพระทัยกว้างมากในการรับฟังความเห็นที่ใครจะเขียนลงหนังสือพิมพ์
บางครั้งจะทรงลงมาตอบเสียเองด้วยโดยใช้พระนามแฝง นางแฟนนีเป็นคนเคยดัง ถ้ามีบทบาทเช่นที่หนังสือเขียนไว้
มีหรือจะหายต๋อมไปจากหน้าประวัติศาสตร์ไทยไปเฉยๆชนิดหาร่องรอยไม่เจอ

จนกว่าจะมีกูรูในเรือนไทยไปค้นบทความใน The Bangkok Times หรือ The Siam Observer หรือ The Siam Free Press
สักเรื่องหนึ่งที่พอจะเข้าเค้าว่าจะเขียนโดยนางแฟนนี ผมจึงจะปลงใจเชื่อครับ

อ้างอิง : วิบูล วิจิตรวาทการ (น.พ.). สตรีสยามในอดีต. (พิมพ์ครั้งที่สี่). กรุงเทพฯ: บริษัทสร้างสรรค์บุ๊คส์ จำกัด. (2543).






นายสุดใจ ผู้สมรู้ร่วมคิดทำบัญชีลับ แต่ให้การสารภาพและเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ให้ลดหย่อนโทษเป็นถูกจำคุก
ต่อมาทางการได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้ออกจากคุกก่อนกำหนด ตามที่รับปากไว้ตอนสอบสวน)

หลวงประจนกล้าหาญ ผู้คุมซึ่งได้รับคำสั่งให้เฆี่ยนและทรมานนายเกิดจนตาย ต้องได้รับโทษประหารชีวิตเช่นกันกับพระปรีชาฯ
แต่หลวงประจนกล้าหาญให้การเป็นประโยชน์ จึงให้ลดโทษผ่อนผันเป็นโทษปรับ เป็นสินไหมพิไน พร้อมทั้งให้มอบเงินเป็นค่าทำศพให้แก่ญาตินายเกิด

ส่วนนายสาย นานเริก ผู้สมรู้ร่วมคิด เป็นผู้ผลักจีนช่างหมันลงน้ำตาย จะต้องมีโทษประหารชีวิตเข่นเดียวกับพระปรีชาฯ แต่ทั้งสองตายไปก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนนายหลง นายยิ้ม คนแจวเรือมีความผิดเป็นมหันตโทษ แต่นายยิ้มเป็นผู้มายื่นเรื่องราวรับสารภาพและกลับเป็นโจทก์ฟ้องพระปรีชาฯ
จึงให้ยกโทษ ส่วนนายหลง ให้เฆี่ยน 2 ยก และจำคุกไว้

คนอย่างพระปรีชาฯ อาจจะไม่มีทางจะเข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริงได้ว่า ทำไมตนจึงต้องมาจบชีวิตลงอย่างนั้น คนบางคนหลอกตัวเองมาตลอด
ว่าความเลวที่ตนกระทำลงไป ไม่ได้ผิดมากมายอะไร เพราะใคร ๆ เขาก็ทำกัน เป็นความซวยแท้ที่ทำให้ตนถูกจับลงโทษ ในขณะที่คนอื่นไม่ถูกจับ

พระปรีชาฯ ไม่มีจิตสำนึกในการกระทำชั่วที่ตนก่อขึ้นซ้ำซ้อนคดีแล้วคดีเล่า ที่แย่ที่สุด คือไป ดึงต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของสยาม
ข่มขู่องค์พระประมุขของประเทศ เพียงเพื่อจะหาทางให้ตัวเองรอดพ้นจากโทษฐานทุจริต แล้วเป็นอิสระชนอยู่กินอย่างสำราญกับเงินทองที่โกงมา
เป็นสุขอยู่ท่ามกลางพวกประจบสอพลอที่หวังประโยชน์ต่างตอบแทน คนแบบนี้ไม่ควรที่จะตายดี การยึดทรัพย์ และประหารชีวิตตามกฎหมายบ้านเมือง
ถือว่าเป็นธรรมที่สุดในสังคมไม่ว่ายุคไหน (โปรดติดตามตอนจบ พระยากระสาปนกิจโกศล ถูกตัดสินประหารชีวิต)

นอกจากคดีของพระปรีชาฯ แล้ว ยังมีคดีของพระยากระสาปนกิจฯ (พ่อของพระปรีชาฯ) ในคดีฉ้อโกงหลวง จากตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบผลิตเหรียญกษาปณ์
ด้วยการยักยอกวัสดุผลิตเหรียญเช่น เงิน ทองแดง ด้วยการขนกลับไปเก็บไว้ที่บ้านทุกวัน สะสมเก็บไว้เป็นจำนวนมาก ดังนั้น เหรียญกษาปณ์ที่ผลิตยุคนั้น
จึงไม่ต่างจากเหรียญปลอม เพราะส่วนผสมไม่เป็นไปตามมาตรฐาน (คงมีตะกั่วมากกว่าเงินและทองแดง)





คฤหาสพระปรีชาฯ ที่บางกอก

ผลสุดท้าย พระยากระสาปนกิจโกศล ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง ลดหย่อนผ่อนโทษให้จำคุก (ติดคุกจริงเพียง 8 ปี)
พร้อมกับถอดยศ ริบราชบาทว์ กลับไปสู่สามัญชน (มีสรรพนามนำหน้าว่า “นาย,,,,”

ส่วนบุตรชายอีก 2 คน ถูกตัดสินให้จำคุก (ติดคุกจริง 4 ปี) ความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับพระปรีชาฯ ส่วนพระยากระสาปนกิจฯ มีความผิดทุจริตยักยอกทรัพย์
ของหลวงจากการผลิตเหรียญกษาปณ์ และสมรู้ร่วมคิดกับพระปรีชาฯ เกี่ยวกับบ่อทองคำ

ด้วยเหตุที่มีการลงโทษจากการโกงทั้งครอบครัวเช่นนี้ จึงเข้าข่าย “โคตรโกง โกงทั้งโคตร” ใช่หรือไม่ !!!

เอวังด้วยประการฉะนี้ นี้คือบทเรียนของคน “คดในข้อ งอให้กระดูก” สารพัดโกง โกงกันทั้งครอบครัว ผลสุดท้ายหนีกรรมไม่พ้น
ต้องรับโทษประหารชีวิต ติดคุกติดตะราง ถอดยศ ริบทรัพย์ เป็นบทเรียนแก่ชนรุ่นหลัง แต่ปัจจุบันไม่วายมีคนมืดหน้าตามัว เห็นกรงจักรเป็นดอกบัว
ด้วย โลภ โกรธ หลง มีพฤติกรรมสารพัดโกง จนสังคมประณาม “โคตรโกง โกงทั้งโคตร” คนเหล่านี้คงหนีกฎแห่งกรรมไม่พ้นเช่นเดียวกัน





ที่จังหวัดปราจีนบุรีมีศาลเจ้าพ่อสำอางในตัวจังหวัด ซึ่งคือศาลของ พระปรีชากลการ

ที่มา 1. https





หมวด: บทความ
»การทำทาน
23-02-2018
»การพิจารณาเวทนาในเวทนาในชีวิตประจำวัน
23-02-2018
»เมื่อมีศีลดี
23-02-2018
»คำอวยพรส่งมาทางไลน์
23-02-2018
»สาระจากการบิณฑบาต และการใส่บาตร
06-04-2016
»เราเคยฟังแต่ไม่รู้จักชื่อ เพลงพม่าประเทศ
03-04-2016
»ตัดสินคดีโกงในสมัยโบราณ
31-03-2016
»ทำไมต้องเซลฟี้ (Selfie)
05-01-2015
»ยุคตัวกู ของกู
22-12-2014
»การลบ facebook ออกจากชีวิต
19-12-2014
»30 วิธีเจ๋ง แบบสบายๆ
21-10-2014
»ทำบุญด้วยถังเหลือง ไม่ใช่สังฆทาน
30-07-2014
»อันตราย! ใช้ ทิชชู ซับน้ำมันอาหาร เจอสารก่อมะเร็ง-โซดาไฟ
02-07-2014
»ม.ขอนแก่นทำได้ ก้าวแรกทำน้ำมันดิบจากใบอ้อย
14-06-2014
»เครื่องไฟฟ้าในบ้านกินไฟอย่างไรมาดูกัน
24-05-2014
»ฝนฟ้าคะนอง เล่นเน็ต โทรศัพท์ ระวังฟ้าผ่า
13-05-2014
»ชักนำต่างชาติเขาฮุบที่ทำกินชาวนา
25-03-2014
»สุดยอดข้อมูลประเทศไทยกับ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล
15-02-2014
»เรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
08-02-2014
»โรคใหม่จากการสูบบุหรี่
18-02-2014
»อะไรเอ่ย ลองทายดูซิ ก่อนอ่าน นะครับ
23-01-2014
»polar vortex คืออะไร
23-01-2014
»นักวิจัยชี้สารสกัดจากผลไม้ในอาหารเสริมได้ประโยชน์จริง
21-01-2014
»กินผักผลไม้วันละครึ่งกิโล ลดมะเร็ง50%
19-01-2014
»วันครู ปี 2557
19-01-2014
»เพาะถั่วงอกในขวดน้ำดื่ม(เก่า)
19-01-2014
»ทำได้อย่างนี้หนุ่มตลอดกาล
19-01-2014
»มะเร็ง ที่มากับอาหารจากกล่องโฟม
13-12-2014
»อ่านแล้วจึงรู้ว่า ที่รู้มานั้นยังรู้ไม่หมดจริง...
13-12-2014
»ไลฟ์สไตล์มรณะ ทั้ง 14 ประการ
13-12-2014
»กินผลไม้ก่อนอาหารรักษามะเร็งได้
13-12-2014
»คนไป ชุมนุมไล่รัฐบาลทรราช ทำตามรัฐธรรมนูญ
13-12-2014
»โรคไมเกรน
13-12-2014
»วีดิโอสาระเพื่อบ้านเมือง มันส์มาก
13-12-2014
»รถยนต์ติดแก๊สควรตรวจสอบอะไรบ้าง
13-12-2014
»แบคไฟร์ในรถยนต์ติดแก๊ส
13-12-2014
»นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ระวังโรค CVS
13-12-2014
»5 เคล็ดลับบอกลาโรคเบาหวาน
13-12-2014
»เรื่องถังเช่า (อีกที)
02-04-2016
»4 เป้าหมายช่วยให้เลิกสูบบุหรี่
13-12-2014
»ปวดศีรษะจากความเครียด จนถึงดึงเส้นผมเพื่อบรรเทาปวด
13-12-2014
»เก็บผลไม้ป่าต่างแดน บลูเบอร์รี่
13-12-2014
»กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 90 และมีฝนตกหนักบางแห่ง
13-12-2014
»ดูกันชัด ๆ หวู๋ติ๊บถล่ม ไทยวันนี้ พรุ่งนี้ และมะรืนนี้
01-10-2013
»น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ในปี 2556
28-09-2013
»เขื่อนแม่วงก์
29-09-2013
»สรรพคุณ พริกไทย
29-09-2013
»เกลือบ่อดินอันตราย
16-09-2013
»ศึกษาเฉพาะกรณีธรรมกาย" โดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
14-09-2013
»ถังเช่า (เพียงอยากให้รู้)
14-09-2013
»ถั่วงอก เรื่องน่ารู้
07-09-2013
»ข้าวพันธุ์ลืมผัว
07-09-2013
»กดจุดหายปวด บำบัดอาการปวดผู้ทำงานนั่งนานๆ
05-09-2013
»บุญเดือนเก้า ห่อข้าวประดับดิน
05-09-2013
»ดีปลี ยาพื้นบ้านไทย ที่ควรรู้จัก
04-09-2013
»ดิจิตอลทีวี คืออะไร
27-08-2013
»วันเดียว เที่ยว 3 ประเทศ ข้ามโขงสะพานไทยลาวแห่งที่ 3 ที่นครพนม
23-08-2013
»แม่น้ำโขง
11-08-2013
»ถนอมแบตเตอรี่สมาร์ทโฟน
10-08-2013
»แกรนด์ แคนยอน ฟ้าผ่าปีละหลายหมื่นครั้ง! อยู่ที่แจ้ง รู้เอาตัวรอด
30-07-2013
»หลวงพ่อชาตอบปัญหาการกินเจกับกินเนื้อ
17-07-2013
»วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา
17-07-2013
»โน๊ตบุ๊ค สะดวกแต่เสี่ยงโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ
04-07-2013
»มะตูมซาอุ
23-06-2013
»มะตูมซาอุ
23-06-2013
»ตกใจไหม ถ้าบอกว่า "น้ำตาลคือสารเสพติด"
24-02-2013
»ตำนานพระอินทร์ (พระอินทร์ในสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์)
05-02-2015
»เรื่องจิต หรือ ใจ
19-01-2013
»วันครู
14-01-2013
»เซียงกง คืออะไร มาจากไหน
03-01-2013
»ทำบุญตักบาตรพระ อาจได้บาป เพราะอะไร เชิญทางนี้
03-01-2013
»ไม่อ้วนเอาเท่าไหร่
03-01-2013
»กระดูกพรุนศัตรูผู้สูงวัย โดยเฉพาะผู้หญิงเสี่ยงมากที่สุด
03-01-2013
»การฉีดวัคซีนโรคคอตีบ
03-01-2013
»การสร้างบุญบารมี
03-01-2013
»ธรณีสูบ ตั้งแต่พุทธกาลมาจนถึงสมัยปัจจุบัน
03-01-2013
»ที่มาของการสวดภาณยักษ์
03-01-2013
»วันมาฆะบูชา
03-01-2013
»ประเมินตนเองบ้าง
03-01-2013
»ตำนานเทวเกษียรสมุทร มีคนอ้างว่าเป็นที่มาของเหล้า
03-01-2013
»แพทย์เตือนดื่มสนุกทุกข์ถนัด
03-01-2013
»สุดยอดอาหารเพื่อ "สุขภาพสมอง"
03-01-2013
»การใช้และบำรุงรักษาแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊ค
03-01-2013
»เนื่องจากคำทำนายของเด็กชายปลาบู่
03-01-2013
»มณีกัณฐชาดก ขอในสิ่งที่ไม่ควรขอ
03-01-2013
»เทคโนโลยียานพาหนะในยุคน้ำท่วม
03-01-2013
»จากบั้งไฟพญานาค ถึง พญานาค
03-01-2013
»เนื่องจากซองกฐิน
03-01-2013
»ปัญหาเรื่องไวรัส หน้าจอฟ้า ไอค่อนหายหมด
03-01-2013
»คลิปยูเอฟโอ ล่าสุดมีผู้อ้างว่าถ่ายได้
03-01-2013
»การกระตุ้นสมอง ทำให้เกิดความจำดี
02-04-2016
»เตือน พวงมาลัยดอกมะลิ ริมทางอันตรายสารพิษอื้อ!
03-01-2013
»พบสารไล่ยุงในต้นตีนเป็ด
03-01-2013
»ความเป็นมาการถวายผ้าอาบน้ำฝน
03-01-2013
»มักกะลีผล
03-01-2013
»ยอดภูเขาทอง วัดสระเกษ ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
10-01-2014
»แผนที่ธรรม
11-01-2013
»เทศนาจากหลวงปู่โต พรหมรังสี
03-01-2013
»วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา
10-01-2013
»เกร็ดความรู้ในการรักษาศีล
03-01-2013
»5 ศุกร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ในเดือนกรกฎคม 2554
03-01-2013
»แมงมุม ที่มีพิษทำให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวสี่ชั่วโมง
03-01-2013
»ชาเขียวต้านโรค
03-01-2013
»แว่นกันแดดตอน ฝนตก มองเห็นชัด 90%
03-01-2013
»การนอนกลางวันช่วยลดความเครียด จึงลดความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ
03-01-2013
»อารมณ์ดี แต่สมองไม่ค่อยจำ
03-01-2013
»จิตรกรกับเทพธิดา
03-01-2013
»โอกาสหรือวิกฤติที่ไทยยังไม่มี 3G
03-01-2013
»สำรวจพบ8อาชีพ มีเงินเดือนเกินแสน นักบินรายได้สูงสุด
03-01-2013
»ตาพร่ามัว ปวดศีรษะ แขนขาอ่อนแรง
03-01-2013
»ชลอความเสื่อมของร่างกายทำอย่างไร ยีน มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร
03-01-2013
»เกิดอะไรขึ้นเมื่อมีแผ่นดินไหว
03-01-2013
»เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ควรทำอย่างไร
03-01-2013
»ตำนานพระพุทธรูปปางนาคปรก
02-04-2016
 
หน้าแรก  เกี่ยวกับเราคุณครู.คอม


คุณครู.คอม ขอแสดงเจตนาว่าทุกข้อความใน เว็บไซต์นี้ให้คัดลอกได้
ไม่จำกัด เพื่อเป็นวิทยาทาน เพื่อการศึกษาเท่านั้น . .

email  [email protected]l.com


kkwebv56   Copyright©2023 kunkroo.com
Development from SMEweb 1.5f By คุณครู.คอม