4 อาหารต้องห้าม ทำแก่ไม่รู้ตัว
ชีวจิตแนะนำคุณเสมอว่า สุขภาพดีนั้นสร้างได้ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ แต่ก็อย่างที่คุณทราบว่าในทางกลับกัน
การกินอาหารไม่เลือกก็อาจทำร้ายสุขภาพของคุณได้ จึงอยากชวนคุณมารู้จัก 4 อาหารที่อาจทำให้ร่างกายคุณเสื่อมทรุดโทรม
และแก่ก่อนวัยโดยไม่รู้ตัว …เรียกว่าเป็น “อาหารต้องห้าม” ก็คงไม่ผิดนัก
1.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

แพทย์หญิงสายชลี ทาบโลกา อธิบายเพิ่มเติมถึงเหตผลที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลเสียต่อสภาพผิว เนื่องจาก…
“เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเข้าไปทำให้เซลล์ตับเสื่อมลง ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ หรือฟรีเรดิคัลในร่างกาย ทำให้ร่างกายขาดน้ำ
ผลคือทำให้แก่เร็ว และพลังงานที่เราได้จากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะสะสมเป็นไขมันในร่างกาย ตัวอย่างเช่น
การดื่มเบียร์ที่นอกจากทำให้แก่ยังทำให้อ้วนด้วย อีกทั้งยังทำให้ฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายทำงานไม่ปกติ
“ยิ่งกว่านั้น ในชั้นไขมันของผู้ชายจะมีเอนไซม์ที่เปลี่ยนฮอร์โมนโทสโทสโทอโรน (Testosterone)ให้เป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน
(Estrogen)เช่นเดียวกับในผู้หญิง ถ้าดื่มเบียร์มากๆ ผู้ชายจะมีหน้าอกใหญ่ขึ้น เส้นขนตามร่างกายน้อยลง
และดูอ้วนฉุๆ ที่สำคัญคือ ดูแก่กว่าอายุ”
2.ผักหรือผลไม้ดอง
จากข้อมูลของกรมวิทยาศาตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า สิ่งที่ปนเปื้อนมากับอาหารหมกดองที่ผลิตอย่างไม่ได้มาตรฐาน
มีจะนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเกลือปริมาณสูง ซึ่งจะทำให้ไตทำงานหนัก อีกทั้งยังมีสีผสมที่อาจไม่ได้มาจากธรรมชาติ
หลายครั้งตรวจพบโลหะหนักเจือปน และมีขัณฑสกร (ดีน้ำตาล) จำนวนมากเพื่อเพิ่มความหวานสารประกอบที่กล่าวมาเหล่านี้
.jpg)
จะทำให้เซลล์ในร่างกายทำงานผิดปกติ ถ้าภูมิต้านทานเดิมไม่ดีอยู่แล้ว โอกาสที่จะเจ็บป่วยหลังการกินผัก-ผลไม้ดองจะมีสูงมาก
นอกจากนี้อาหารหมักดองยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว เนื่องจากทำให้ผิวแห้งแตก เพราะร่างกายขาดน้ำอ่างรุนแรง
เป็นผลมาจากเกลือและขันฑสกรที่ผสมอยู่ นำไปสู่การอักเสบในระดับเซลล์ของผิว และตามมาด้วยความแก่ร่วงโรยนั่นเอง
3.อาหารหวานจัด
น้ำตาลที่อยู่ในอาหารร้ายกว่าที่คุณคิดนะคะ เพราะหากกินเข้าไปมากๆ นอกจากจะเสี่ยงด้วน และเสี่ยงป่วยเป็นโรคเบาหวานแล้ว
ยังส่งผลร้ายต่อผิวด้วย ดังที่แพทย์หญิงสายชลีอธิบายไว้“การที่โมเลกุลของน้ำตาลเข้าไปเกาะที่ดีเอ็นเอซึ่งเป็นสารพันธุกรรม
จะทำให้ “แก่ระดับเซลล์” เรียกว่า ปฏิกิริยาไกลเคชั่น (Glycation)ซึ่งทำให้เกิดการข้ามสายพันธุ์โมเลกุล (Cross-linking)
ส่งผลให้หลอดเลือดแดงแข็งและเปราะ เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
“ข้อเสียที่ตามมา คือ คอลลาเจนใต้ผิวถูกทำลาย ส่งผลให้หน้าไม่เด้ง เกิดรอยเหี่ยวย่นที่ผิวหนัง ทำให้ดูหน้าแก่
อีกทั้งข้อต่อแข็ง ไม่ยืดหยุ่น ร่างกายจึงดูแก่ตามมา นอกจากนี้การเผาผลาญน้ำตาลในปริมาณมากยังทำให้เกิดการหลั่งสารอักเสบ
ซึ่งสัมพันธุ์กับโรคเกี่ยวกับการอักเสบ เช่น โรคปวดข้อรูมาทอยด์ เป็นต้น
“ยิ่งกว่านั้น การเกิดฟรีเรดิคัล หรืออนุมูลอิสระ ยังทำให้ร่างกายแก่ลง ถ้าไม่อยากหน้าแก่ควรลดน้ำตาลจะดีกว่า”
4.อาหารที่มันเยิ้ม

ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ หรือน้ำมันจากเนย ขนมขบเคี้ยว และอาหารอื่นๆ ที่มีไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์ (Trans Fat)
แทรกอยู่ เช่น เนื้อวัว หรือเนื้อควาย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภที้ เพราะไขมันร้ายเหล่านี้จะทำให้เม็ดเลือดขาวจับตัวเป็นก้อน
เรียกว่า โฟมเซลล์ (Foam Cells)ที่ส่งผลให้ภูมิชีวิตตกลง และสุขภาพแย่ลง รวมถึงสุขภาพผิวด้วย
นอกจากนี้การกินอาหารมันเยิ้มยังทำให้คอเลสเตอรอล ซึมผ่านไปในผนังหลอดเลือดแดง ก่อนแตกตัวและปล่อยฟรีเรดิคัล
หรืออนุมูลอิสระออกมาทำร้ายเซลล์ ทำให้เซลล์เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เกิดการอุดตันและปริแตกของผนังหลอดเลือด
น้ำไปสู่การอักเสบเรื้อรังในทุกส่วนรวมถึงผิวในที่สุด
ที่มา จากคอลัมน์ เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 355