มะตูมซาอุ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกา ใต้แถบประเทศบราซิล อาร์เจนตินาและปารากวัย เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงได้ถึง 10 เมตร มีกิ่งก้านมากจนมองไม่เห็นลำต้น ใบอ่อนมีสีแดง ขอบใบมีลักษณะเป็นหนาม ต้นตัวผู้และต้นตัวเมียแยกกันคนละต้น ดอกออกเป็นช่อเล็ก ๆ สีขาว ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียมีลักษณะคล้ายกัน ออกดอกได้ทั้งปี แต่พบมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว ผลเมื่ออ่อนมีสีเขียวและเปลี่ยนเป็นสีแดงสดเมื่อแก่ เนื่องจากผลมีสีสวยสดและออกได้ทั้งปี จึงนิยมนำไปปลูกเป็นไม้ประดับ ผลเมื่อแก่จัดเปลือกจะแห้งติดเมล็ดคล้ายพริกไทย ชาวอเมริกาใต้ใช้ผลมะตูมซาอุแทนพริกไทย
การเข้ามาสู่ประเทศไทย
คนไทยอีสาน เล่าว่า ที่ชื่อมะตูมซาอุ เนื่องจากมีผู้นำพืชชนิดนี้มาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย หลังจากกลับจากการไปทำงานในตะวันออกกลาง ประเทศซาอุฯ และเคยเอายอดมากินเป็นผัก มีรสคล้ายใบมะตูม จึงเรียกกันต่อ ๆ มาว่า "มะตูมซาอุ" ปัจจุบันนิยมกินยอดอ่อนเป็นผักเครื่องเคียงอาหารอีสานเช่นลาบ ก้อย ป่นปลา เป็นต้น มีการเพาะพันธุ์ขายต้นละ 20-30 บาท ชาวบ้านนิยมซื้อมาปลูกในบ้านเป็นผักประจำครอบครัว
สรรพคุณทางยา
มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา สารสกัดของมะตูมซาอุช่วยลดการอักเสบ ควบคุมการเต้นของหัวใจ ช่วยรักษาโรคความดันต่ำ แก้ท้องผูก กระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อและรักษาบาดแผลลดอาการปวด ทำลายเซลล์มะเร็ง ลดอาการซึมเศร้า ลดอาการชักกระตุก ทำลายเชื้อไวรัส กระตุ้นการย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ ขับเสมหะและกระตุ้นการขับประจำเดือน.