คุณครู.คอม
.









Online: 45 user(s)

ตั้งแต่ 3 กุมภาพันธ์ 2541





kunkroo radio

ตรวจสอบแทรคไปรษณีย์ไทย

domain register Admin Only

ทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ต

ตรวจสอบไอพี(IP check for locate)

..
     


    :  เกี่ยวกับเราคุณครู.คอม
หมวด: สาระจากพระพุทธศาสนา
เรื่องเทวดา
04-01-2013 เข้าชมแล้ว: 21751

เรื่องเทวดา   ก่อนอื่นข้าพเจ้าขอทำความเข้าใจต่อผู้อ่านก่อนว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะแสดงว่าตนเองเป็นผู้มีญาณวิเศษ สามารถติดต่อสื่อสารกับเทวดาได้ แต่ที่นำเรื่องเทวดามานำเสนอเพราะได้ศึกษาเรื่องนี้ในพระไตรปิฎกพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ในพระไตรปิฎก ได้กล่าวถึง วิมาน อันเป็นที่อยู่ของเทวดาในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ
และอ่านคำถามของพระโมคคัลลานะ พระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า และคำตอบของเหล่าเทพ เจ้าของวิมาน ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางมากมาย ว่า ในเมื่อเป็นมนุษย์ ได้ทำกรรมอันใดไว้จึงได้มาเสวยทิพย์วิมานแห่งนี้
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าศึษาพระไตรปิฏกเพื่อค้นคว้าหาสัจจธรรม โดยปัญญา ไม่ได้มีจิตอยากได้ญาณเพื่ออวดอุตรมนุษย์ธรรมแต่ประการใด ข้าพเจ้ามีความเชื่อในพุทธศาสนา เชื่อในพระศาสดา หรือพระพุทธเจ้า ดังนั้น เรื่องที่อยู่ในพระไตรปิฎก เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว  ใครจะเห็นเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ สติปัญญาของแต่ละคน หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีก็อาจเกิดประโยชน์ต่อท่านผู้อ่าน ไม่มากก็น้อย ถ้าหากเห็นเป็นเรื่องเหลวไหลก็กรุณา ปิดหน้านี้ไปเสีย อย่าเสียเวลาเลย....

     ภาพวาดเทวดาในศาสนาพุทธ จากจินตนาการ


เทวดา หรือ เทพ (อังกฤษ: deity หรือ gods) ตามคติความเชื่อทางศาสนาต่างๆ หมายถึง ผู้ที่มีชีวิตเป็นทิพย์ ไม่ได้มีชีวิตเป็นกายเนื้ออยู่บนโลกนี้ บ้างก็ว่ามีกายเป็นแสงสว่าง และเสวยสุขในสรวงสวรรค์ชั้นต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นภพภูมิที่ดี เทวดาผู้หญิงเรียกว่านางฟ้า เทวดาผู้มีมิจฉาทิฐิ เรียกว่า มาร

 

ตามคติความเชื่อของชาวพุทธ การใช้คำว่า "เทพ หรือ เทวดา" ครอบคลุมถึงพรหมทั้งหลายในพรหมโลกด้วย โดยแบ่งเป็น

เทวดาชั้นกามาวจร (ผู้ที่ยังเกี่ยวข้องกับกาม) อยู่บนสวรรค์ชั้นฉกามาพจร หรือสวรรค์ที่ยังเกี่ยวข้องกับกามซึ่งมี 6 ชั้น คือ จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี และปรนิมมิตสวัตดี
เทวดาชั้นรูปจร หรือ รูปพรหม 16 ชั้น เป็นเทวดาที่ยังมีกายทิพย์อยู่
เทวดาชั้นอรูปจร หรือ อรูปพรหม เป็นเทวดาซึ่งไม่มีกายทิพย์
การเกิดเป็นเทวดาการเกิดเป็นเทวดาไม่ต้องผ่านครรภ์มารดา แต่จะเกิดกายเป็นเทวดาเลย เรียกว่าโอปปาติกะ มนุษย์จะเกิดเป็นเทวดาได้เมื่อจิตก่อนตายระลึกถึงความดีเล็กน้อยที่เคยทำไว้ในโลกมนุษย์ เกิดเป็นมหากุศลจิต 8 ดวง อันประกอบด้วย หิริ และโอตตัปปะ การบริจาคทาน การฟังธรรม หรือการสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ เป็นต้น

 อายุของเทวดาอายุของเทวดามีหน่วยเป็นปีทิพย์ ประมาณอายุของผู้ที่เกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ไม่เท่ากัน[1] กล่าวคือ

500 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกา ประมาณ 9,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์
1,000 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ประมาณ 4 เท่า จาก 9,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์ จึงเท่ากับ 36,000,000 ปี
2,000 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาสวรรค์ชั้นยามา ประมาณ 4 เท่า จาก 36,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์ จึงเท่ากับ 144,000,000 ปี
4,000 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาสวรรค์ชั้นดุสิต ประมาณ 4 เท่า จาก 144,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์ จึงเท่ากับ 576,000,000 ปี
8,000 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ประมาณ 4 เท่า จาก 576,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์ จึงเท่ากับ 2,304,000,000 ปี
16,000 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาสวรรค์ชั้น ปรนิมมิตวสวัสตี ประมาณ 4 เท่า จาก 2,304,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์ จึงเท่ากับ 9,216,000,000 ปี เทวดา ตามคติความเชื่อของศาสนาพุทธ ก็เวียนว่ายตายเกิดเหมือนมนุษย์ เพียงแต่อายุจะยืนกว่ามนุษย์ดังกล่าวไว้ด้านบน เทวดาชั้นต่ำ คือ ชั้นจาตุมมหาราชิกา (คำว่า "ช้น" มิได้หมายความว่า เป็นชั้นซ้อนกันขึ้นไปเหมือนกับตึก และมิได้หมายความว่าอยู่บนฟ้าหรืออากาศ แต่หมายถึงระดับจิตที่ดีหรือละเอียดลึกซึ้ง บางทีเทวดาอาจจะอยู่ในโลกมนุษย์แต่ต่างมิติกัน เหมือนมนุษย์มองไม่เห็นเชื้อโรคด้วยตาเปล่า แต่เชื่อโรคสามารถมองเห็นมนุษย์ได้ เป็นต้น) มีทั้งเทวดาที่ดีและเทวดาที่ไม่ดี (ภาษาทางพุทธศาสนาเรียกว่า "เทวดามิจฉาทิฏฐิ" เพียงแต่ทำความดีบางอย่างจึงเกิดเป็นเทวดา) ในตำราทาพุทธศาสนา มนุษย์เกิดเป็นเทวดาได้ สัตว์เดรัจฉานก็เกิดเป็นเทวดาได สัตว์นรกก็เกิดเป็นเทวดาได้ ในทางกลับกับ เทวดาก็สามารถเกิดเป็นสัตว์เหล่านั้นได้เหมือน เมื่อหมดบุญ (ภาษาทางพุทธศาสนาเรียก่า "จุติ" ซึ่งแปลว่า "ตาย" ตายแบบเทวดาไม่ทิ้งซากศพ เนื่องจากมีแต่กายทิพย์ คือหายไปเกิดเลย ซึ่งเรียกวา "ปฏิสนธิ") เทวดาตามคติความเชื่อของศาสนาพุทธ ไม่มีอำนาจมากมายที่จะดลบันดาลความต้องการของมนุษย์ได้ พระพุทธเจ้าจึงสอนให้พึ่งตนเองมากว่าพึ่งเทวดาด้วยการอ้อนวอน เพราะถ้าคอยพึ่งเทวดาไม่รู้เมื่อไรจะได้ ต้องคอยเดาใจว่า เทวดาจะพอใจอะไรหรือไม่พอใจอะไร แถมเทวดาบางตนก็พิโรธอีก ในอรรถกถามงคลสูตร (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ)http://84000.org/tipitaka/attha/attha.phpb=25&i=5&p=2#แก้อรรถบท_เกวลกปฺปํ กล่าวว่าเทวดาจะมาโลกมนุ๋ษย์ก็ด้วยกิจบางอย่าง เช่น กลิ่นศีลของผู้ปฏิบัติธรรม เป็นต้น เช่น จะมาเฝ้าพระพุทธเจ้า เวลามาจะมาตอนกลางคืนและยืนเฝ้าพระพุทธเจ้า เนื่องจากเทวดาจะเหม็นกลิ่นมนุษย์ได้ไกลถึง ๑๐๐ โยชน์ (ประมาณ ๑๖๐๐ กิโลเมตร) หากมนุษย์มาจะรีบหายตัวกลับ ดังนั้น เทวดาจะไม่สนใจมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีศีลธรรมอย่างเราเลย แม้จะเอาหมูเห็ดเป็ดไก่กี่ร้อยกี่พันตัวก็ตาม เทวดาก็ไม่มาหาหรอก ยกเว้นแต่คนที่ดีจริง ๆ ที่โบราณท่านว่า "คนดีผีคุ้ม" นั่นแหละ ก็คือเทวดาจะคุ้มครองเฉพาะคนดีมีศีลธรรม อย่าเอาแต่อ้อนวอนนักเทวดาเขาไม่สนใจเลย สู้ลงมือทำด้วยความเพียรของมนุษย์เป็นดีที่สุด มนุษย์พัฒนาตนแล้ว มีศีลมีธรรม แม้แต่เทวดายังต้องเคารพนอบน้อมเหมือนดังพระพุทธเจ้าและพระพุทธสาวกทั้งหลาย
 เครื่องแต่งกายของเทวดาชาวไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาเชื่อว่าเทวดาแต่งตัวด้วยเครื่องทรง บ้างก็เสื้อคลุมสีขาว สวมหมวกยอดแหลม เหมือนพระยาแรกนาขวัญ ในพิธีพืชมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ บ้างก็ใส่เครื่องทรงประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดา มงกุฎยอดแหลม และสร้อยสังวาลย์

     เทวดา ในคริสต์ศาสนา

ความเป็นทิพย์ของเทวดาเทวดาไม่มีกายเนื้อ จึงไม่เจ็บไม่ไข้ มีรูปโฉมงดงามจนดูเหมือนกันไปหมด สามารถคงความหนุ่มสาวอยู่เช่นนั้นตลอดอายุขัย อยากได้อะไรก็เพียงนึกเอาเท่านั้น เช่นว่าอยากให้อิ่มก็ไม่ต้องทานอาหาร เพียงแต่นึกเอาก็อิ่มแล้ว เรียกว่า อิ่มทิพย์

 

     เทวดาจุติจากสวรรค์จะมาเกิดในโลกมนุษย์

การทำความดีของเทวดาชาวพุทธถือว่า เทวดาบนสรวงสวรรค์เป็นภพภูมิที่เสวยสุขอย่างเดียว ไม่สามารถทำความดีได้มาก เนื่องจากไม่มีกายเนื้อ แต่สามารถติดตามผู้ที่ทำความดีอย่างสม่ำเสมอได้ เพื่ออนุโมทนาบุญ สามารถสวดมนต์และฟังธรรมได้ เมื่อเทวดาหมดบุญแล้วก็ต้องจุติไปเกิดในภพภูมิอื่นๆต่อไป ผู้ที่เป็นเทวดาถือว่าการเกิดในโลกมนุษย์เป็นสุคติภูมิของตน เพราะมนุษย์มีกายเนื้อ สามารถทำความดีได้มาก

ตอนต่อไปจะนำเรื่องในพระไตรปิฎกมาเผยแพร่ ถ้าสนใจโปรดติดตาม

แสดงเจตนา
เรื่องและภาพรวบรวมมาจากอินเตอร์เน็ตที่เจ้าของไม่ได้สงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ไว้
ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในเจตนากุศลในการเผยแพร่ธรรมทานอย่างบริสุทธิ์ของท่านเหล่านั้น
หากข้อความใดหรือภาพใดมีผู้หวงห้าม ข้าพเจ้าขออภัยและขอบอกกล่าวว่า ไม่มีเจตนาลักขโมยของท่าน
เพียงนำมาเผยแพร่เป็นธรรมทานให้ผู้สนใจทั่วไป และมีเจตนาให้นำไปเผยแพร่ต่อได้
ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจากอินเตอร์เน็ต  
นายนิคม พวงรัตน์  รวบรวม เรียบเรียง เผยแพร่








หมวด: สาระจากพระพุทธศาสนา
»บุญข้าวประดับดิน เรียกอีกอย่างว่าเปรตพลี แปลว่าอุทิศให้เปรต วันแรม 14 ค่ำ เดือน 9
06-09-2021
»อำนาจบุญบวช สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ เดินจงกรม
14-02-2021
»ชาติหน้ามีจริงไหม
26-01-2021
»บัญชีบุญ-บัญชีบาป
24-01-2021
»ถ้าไม่ใช่กรรมที่เราทำมา เราก็จะไม่ได้รับกรรมนั้น
26-01-2021
»คำยืนยันจากหลวงปู่มั่นว่า "พระแก้วมรกต เลือกประเทศไทย" ด้วยเหตุผล 3 ข้อ
24-01-2021
»มนุษย์อยากเป็นเทวดา แต่ เทวดากลับอยากเป็นมนุษย์
11-03-2018
»ทุกข์ทรมารมากกว่าจะได้เกิดเป็นคน
10-03-2018
»อันตรธาน 5
28-02-2018
»มาฆบูชา
28-02-2018
»การไปแสวงบุญที่พุทธสังเวชนียสถาน 4 แห่ง ได้ไปสวรรค์
10-02-2018
»กรรม 12 ประเภท
10-02-2018
»นาค พญานาค เป็นสัตว์เดรัจฉาน
10-02-2018
»นักแสดง ตายแล้วไปเกิดในนรก หรือกำเนิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน
10-02-2018
»คำว่า อนุโมทนา กับ โมทนา ต่างกันอย่างไร
20-12-2017
»เหตุใดวัดพระแก้วจึงไม่มีพระสงฆ์อยู่
26-10-2017
»ทำไมต้องทำบุญ
05-07-2017
»เจ้าชายสิทธัตถะประสูติแล้ว ดำเนินได้ ๗ ก้าวจริงหรือ
31-05-2017
»เรื่องพระสารีบุตรตอนจะเข้าสู่พระนิพพาน
23-02-2016
»แผนที่ธรรม แสดง 31 ภพ
23-02-2016
»สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป คืออะไร
07-12-2015
»"วันนี้วันพระ" วันพระมีความเป็นมาและสำคัญอย่างไร
18-11-2015
»ติรัจฉานวิชา (ว่าด้วยสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่กระทำ)
07-08-2014
»มหาสุทัสสนสูตร : ข้อเตือนใจคนโลภ
29-07-2014
»อานาปานสติ
09-04-2014
»บัว 4 เหล่า
16-01-2018
»คติ และคติภพ คืออะไรและต่างกันอย่างไร
13-12-2014
»พระเกศา_พระโลหิต'_พระสังฆราชกลายเป็นพระธาตุ
13-12-2014
»สวรรค์ 6 ชั้น
19-01-2021
»พระคาถาธารณปริตร
02-10-2013
»หลวงพ่อชาตอบปัญหาธรรม
17-07-2013
»วันมาฆบูชา
11-02-2014
»พุทธชยันตี
10-01-2013
»พระธรรมเทศนาจากหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
05-01-2013
»ช้างปาเลไลยก์
17-01-2013
»พระกุมารกัสสปะ
05-01-2013
»นางจิญจมาณวิกา นางอมิตตา กลับชาติมาเกิด
05-01-2013
»นางวิสาขา มหาอุบาสิกา
03-04-2016
»นางสิริมา หญิงโสเภณีผู้บรรลุโสดาบัน
05-01-2013
»เอาเงินใส่บาตรพระบาปไหม ที่นี่มีคำตอบ
03-04-2016
»โครงการภาพยนตร์ พุทธศาสดา ชาวพุทธควรชมอย่างยิ่ง
05-01-2013
»ไฟล์เสียงวิธีนั่งสมาธิตอนที่1-5 โดยหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
05-01-2013
»พระสุปฏิปฏิปัณโณ หรือพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
04-01-2013
»พระไตรปิฏก ตอนที่ 1(เข้าใจง่าย)
04-01-2013
»พระบรมครู คู่มือครู
16-01-2018
»อนุบุพพิกถา
04-01-2013
»ตักบาตรเทโวโรหนะ
04-01-2013
»คุณหมอผู้สนใจธรรมะ "ธรรมะคือลมหายใจ"
04-01-2013
»พระเจ้าพิมพิสาร
04-01-2013
»พระอานนท์
04-01-2013
»พระมหาโมคคัลลานะ
04-01-2013
»เรื่องเทวดา
04-01-2013
»ถือศีล ห้า ได้กุศลมากกว่าสร้างวิหารทาน จริงหรือ
04-01-2013
»เงื่อนไขการทำบุญให้ทาน
04-01-2013
»การทำบุญด้วยศรัทธา
04-01-2013
»บุญจากการอนุโมทนา
04-01-2013
»พระฉันนนะผู้ว่ายากสอนยาก
04-01-2013
»นางมาคันทิยาผูกอาฆาตพระพุทธเจ้า
04-01-2013
»เกิดใหม่กลัวบาป อุทาหรณ์ การทำบาป
04-01-2013
»พระภัททากัจจานาเถรี
04-01-2013
»นิทานธรรมบท เรื่องพราหมณ์ชื่อจูเฬกสาฎก
04-01-2013
»เมื่อใด บาปให้ผล เมื่อนั้น คนพาล ย่อมประสบทุกข์
04-01-2013
»เมื่อพญานาคอยากเป็นมนุษย์
04-01-2013
»เหตุใดเทวดาจุติ(ตาย)แล้วจึงอยากเกิดเป็นมนุษย์
04-01-2013
»ผลของกรรม
04-01-2013
 
หน้าแรก  เกี่ยวกับเราคุณครู.คอม


คุณครู.คอม ขอแสดงเจตนาว่าทุกข้อความใน เว็บไซต์นี้ให้คัดลอกได้
ไม่จำกัด เพื่อเป็นวิทยาทาน เพื่อการศึกษาเท่านั้น . .

email  [email protected]


kkwebv56   Copyright©2023 kunkroo.com
Development from SMEweb 1.5f By คุณครู.คอม